งานวิจัยและเทคโนโลยี

“มุ่งสู่การเป็นผู้นำ ด้านการวิจัยและพัฒนาผลผลิต เพื่อสร้าง ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆจากมุกทะเล”

ปัจจุบันเราพัฒนาองค์กร สู่ Sustainable Premium Marine Farm ลดการล่าจากธรรมชาติ ช่วยเพิ่มปริมาณลูกพันธุ์สัตว์น้ำลงทะเล ลดการใช้วัสดุที่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม และพึ่งพิงพลังงานสะอาด เราได้รับการส่งเสริมจากกระทรวงอุตสากรรมไทยในการขับเคลื่อนอุตสากรรมภูมิภาคให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ด้วยกรอบแนวคิด BCG& โดย เราได้นำวัตถุดิบทุกๆส่วนจากอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงไข่มุก อาทิ เนื้อหอย และเปลือกหอย มาทำการวิจัยและพัฒนาเพื่อเพิ่มมูลค่าวัตถุดิบไม่ให้มีส่วนเหลือทิ้งออกสู่สิ่งแวดล้อม ร่วมกับ สถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตผลทางการเกษตรฯ (KAPI) แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทำการวิจัยเพื่อสกัดสารจากเปลือกหอยและเมือกจากหอยมุก จนได้ผลผลิตหลัก 2 รายการที่มีประโยชน์ในอุตสาหกรรมทางยา และทางเครื่องสำอาง ผลผลิตจากหอยมุก คือโปรตีน และไบโอแคลเซี่ยมคาร์บอเนต มาริเริ่มพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เรื่องสำอางจากไข่มุกทะเล โดยมีผลการวิจัยด้านการสกัดสารจากหอยมุก

รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ (FINAL REPORT)

นาโนมิลค์กี้ซันสกรีนสำหรับผิวหน้า และบอดี้ซันสกรีนครีมสำหรับผิวกาย

ผสมสารสกัดโปรตีนและแคลเซียมคาร์บอเนตจากเปลือกหอยมุกเหลือทิ้งในอุตสาหกรรมเลี้ยงหอยมุก (Nano Milky Sunscreen for face and body sunscreen for body mixed protein and calcium carbonate extract from leftover pearl shells in the pearl industry)

คิดค้นภายใต้แนวคิดอนุรักษ์ทะเลและปะการัง “ผิวสว่าง ปะการังสวย”

สะท้อนผิวหมองคล้ำ เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว สร้างความแข้งแรงให้ผิว กระจายตัวและเกลี่ยง่าย สามารถป้องกันน้ำและเหงื่อ สีผิวกระจ่างใส เพิ่มคอลลาเจนและความยืดหยุ่นผิว มีเนื้อสัมผัสเนียบนุ่มสบายผิว ผลิตด้วยโรงงานที่ผ่านมาตรฐาน ISO & GMP

จุดเด่นหรือจุดแข็งผลิตภัณฑ์ทั้งสอง

1. เกิดจากการแปรรูป เปลือกหอยมุก ที่เป็นส่วนเหลืออุตสาหกรรมเครื่องประดับสู่สารสำคัญทางเวชสำอาง ซึ่งช่วยสงเสริมภาพลักษณ์ให้กับผลิตภัณฑ์ได้ดี

2. เปลือกของหอยมุกพบว่าร้อยละ 95 คือไบโอ คัลเซียมคาร์บอเนต (Bio-calcium Carbonate) ซึ่งมีโครงสร้างแบบอะราโกไนต์ ที่สามารถนำไปใช้ได้ในหลายอุตสาหกรรมและหลากหลายผลิตภัณฑ์ เช่น ใช้เพื่อการสครับผิว เพิ่มประสิทธิภาพในการเป็นสารเคลือบและซ่อมแซมฟัน เป็นต้น

3. ใช้กระบวนการสกัดสารสกัดโปรตีนและแคลเซียมคาร์บอเนตจากเปลือกหอยมุกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยทีมวิจัยได้พัฒนากระบวนการผลิตที่ใช้พลังงานต่ำ สามารถขยายขนาดการผลิตสู่ระดับอุตสาหกรรมได้ และไม่ก่อให้เกิดของเสียหลงเหลือในอุตสาหกรรม

4. ด้วยนวัตกรรมการผลิตโปรตีนจากเปลือกหอยมุกทำให้ได้กรดอะมิโนจำเป็นชนิดที่ผิวไม่สามารถสร้างเองได้ 8 ชนิด ช่วยลดจุดด่างดำใต้ผิวหนังช่วยทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น ช่วยเสริมสร้างเชลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวเรียบเนียน และริ้วรอยดูลดเลือนช่วยส่งเสริมการทำงานของเอนไซม์ SOD Superoxide dismutase enzyme ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ยับยั้งอนุมูลอิสระ ในการทำปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (Oxidation)

5. สารสกัดโปรตีนและแคลเซียมคาร์บอเนตจากเปลือกหอยมุกได้รับการทดสอบตามมาตรฐานอุตสาหกรรมแล้วว่าใช้เป็นสารประกอบในการผลิตของอุตสาหกรรมเวชสำอางได้

รายงานการวิจัยที่ 2

การเพิ่มมูลค่าและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากผลพลอยได้และของเหลือใช้จากอุตสาหกรรมการเลี้ยงหอยมุกสู่การต่อยอดเชิงพาณิชย์ในอุตสาหกรรมเพื่อสุขภาพและความงาม

  1. บำรุงผิวพรรณช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง ทำให้ผิวพรรณเต่งตึง เรียบเนียน และลดริ้วรอยแห่งวัยเพิ่มความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้นให้กับผิว ลดปัญหาผิวแห้งกร้าน
  2. ลดการเกิดฝ้าและจุดด่างดำหอยมุกมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน ลดการเกิดฝ้า กระ และจุดด่างดำช่วยปรับสีผิวให้กระจ่างใสและดูสุขภาพดี
  3. ฟื้นฟูและเสริมสร้างเซลล์ผิวโปรตีนในคอลลาเจนจากหอยมุกช่วยเสริมสร้างและฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสียหายกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวใหม่ ส่งผลให้ผิวดูสดใสและอ่อนเยาว์
  4. ส่งเสริมสุขภาพผมและเล็บคอลลาเจนช่วยเสริมสร้างโครงสร้างของเส้นผมและเล็บให้แข็งแรง ลดปัญหาผมขาดหลุดร่วงและเล็บเปราะบาง
  5. เสริมภูมิคุ้มกันมีสารสำคัญที่ช่วยสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  6. ลดการอักเสบสารในคอลลาเจนจากหอยมุกช่วยลดการอักเสบของผิวหนัง เช่น สิวหรืออาการแพ้
  7. ช่วยฟื้นฟูผิวจากแสงแดดมีคุณสมบัติช่วยปกป้องและฟื้นฟูผิวที่ถูกทำลายจากรังสี UV
  8. เพิ่มการไหลเวียนโลหิตช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตในชั้นผิว ส่งผลให้ผิวดูเปล่งปลั่งและสุขภาพดี

ประกอบด้วยสารโปรตีนที่เป็นองค์ประกอบที่มีชื่อว่า Conchiolin ซึ่งเป็นกรดอะมิโนโปรตีนที่ประกอบด้วยกรดอะมิโนประมาณ 20 ชนิดที่สำคัญๆ เช่น Threonine, Serine, Glutamin acid, Glycene และ Arginine เป็นต้น พร้อมด้วยแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการสังเคราะห์โครงสร้างของผิวเช่น Germanium และ Selenium เพื่อช่วยฟื้นฟูผิวที่หยาบ ช่วยผลัดเซลล์ผิว เพิ่มความนุ่มนวลให้แก่ผิวและทำให้ผิวขาวสว่างใสและมีลักษณะคล้ายกับองค์ประกอบของสารให้ความชุ่มชื้นของผิวมีกรดอะมิโนและเปปไทด์ ที่สามารถช่วยเพิ่มจำนวนเซลล์ Fibrobrast ที่ผิวหนังและพบว่ายังมีความสามารถช่วยชะลอริ้วรอยที่ชั้นผิวได้ดี ทำให้สามารถต่อต้านริ้วรอยที่ผิวหนังและยังใช้ดูแลเส้นผมได้ดี นอกจากนี้ยังช่วยส่งเสริมการผลัดเซลล์และสร้างเซลล์ใหม่ของผิวหนัง ระงับและยับยั้งการสร้างเม็ดสี ปรับผิวขาวใส สามารถใช้ได้จึงสามารถนำมาใช้ได้ทั้งกับผิวหน้าและผิวกาย

ใช้เป็นสารสะท้อนแสงตามธรรมชาติ และไบโอแคลเซียมคาร์บอเนตที่พัฒนาได้  ช่วยควบคุมการสูญเสียน้ำให้ผิวคงความชุ่มชื้นได้มากกว่า 6 ชั่วโมง ให้ผลการทดสอบด้านความชุ่มชื้นโดยใช้เครื่อง Corneometer